In 400 years, Ayutthaya went from a

In 400 years, Ayutthaya went from a prosperous trade and political capital to a completely defaced city – plundered, burned and abandoned to ruin. The city was under a constant power struggle with neighbouring Burma; nevertheless it remained a flourishing centre for regional trade and a burgeoning metropolis where art and culture merged.

With economic prosperity, Ayutthaya’s Kings poured the kingdom’s wealth into the construction of temples and religious monuments as well as the arts.

Exhibiting sophisticated techniques and styles, Ayutthaya’s architectural heritage is an amalgam of Lopburi, Sukhothai, Dvaravati, U-Thong, ancient Khmer and Persian styles. Today, Ayutthaya’s temple and palace ruins serve as a powerful reminder of Siam’s glorious past as well as haunting memories of one of the darkest periods in Thai history.


Ayutthaya Overview

Ayutthaya
Ayutthaya was chosen as the capital city for strategic reasons: It is surrounded on all sides by rivers and a man-made canal, which acted as natural barriers against Burmese invaders. The inner city’s northwestern corner is the site of the Royal Palace and Royal Chapel (Wat Phra Si Sanphet) – the political and spiritual heart of the kingdom.

To the east of the Royal Palace, the Ayutthaya Historical Park houses four spectacular temples of the Early Ayutthaya Period (1350 – 1529). Here, rising amongst the trees and clusters of ruins, are the magnificent sandstone prangs in the classic Lopburi-Khmer style.

Some of the most elaborate temples and ruins are also to be found across the river, along the outer perimeter of the inner city. Wat Na Phramen, to the north, is the only temple in Ayutthaya that survived post-war looting and arson attacks, while the east boasts a cluster of well-preserved temple ruins and, further south, remnants of various foreign settlements, including Japanese, Chinese, Portuguese, Dutch and English compounds.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน 400 ปีที่อยุธยาไปค้าเจริญและเมืองหลวงเมืองสมบูรณ์ defaced - ปล้น เขียน และละทิ้งทำลาย เมืองที่อยู่ภายใต้การดิ้นรนต่อสู้อำนาจคงมีเพื่อน อย่างไรก็ตาม มันยังคงไหนศูนย์การค้าระดับภูมิภาคและนครลัทธิที่ที่รวมของศิลปะและวัฒนธรรมมีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ กษัตริย์อยุธยา poured ของให้เลือกมากมายในการก่อสร้างวัด และอนุสรณ์สถานทางศาสนา ตลอดจนศิลปะทางด้านเทคนิคอย่างมีระดับทันสมัย และรูปแบบ มรดกทางสถาปัตยกรรมของอยุธยาเป็น amalgam ลพบุรี สุโขทัย ทวารวดี อู่ทอง โบราณเขมรและเปอร์เซียลักษณะ วันนี้ ซากวัดและวังของอยุธยาทำหน้าที่เป็นตัวเตือนที่มีประสิทธิภาพของสยามรุ่งโรจน์ในอดีตและความทรงจำหนึ่งของรอบระยะเวลามืดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยเจ็บภาพรวมของอยุธยา พระนครศรีอยุธยาอยุธยาได้รับเลือกเป็นเมืองหลวงด้วยเหตุผลเชิงกลยุทธ์: ล้อมรอบทุกด้านด้วยแม่น้ำและคลองจำลอง ที่ได้ปฏิบัติเป็นอุปสรรคธรรมชาติกับพม่า มุมตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองภายในของพระราชวังและวิหารหลวง (วัดพระศรีสรรเพชญ์) - แห่งอาณาจักรทางการเมือง และจิตวิญญาณได้ฝั่งตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาบ้านวัดงดงามสี่ต้นกรุงศรีอยุธยา (1350-1529) ที่นี่ ไรซิ่งท่ามกลางต้นไม้และคลัสเตอร์ของซากปรักหักพัง เป็นหินทรายงดงามศรีอยุธยาในคลาสสิกเขมรลพบุรีวัดสุดประณีตและซากปรักหักพังยังพบข้ามแม่น้ำ ไปตามขอบเขตรอบนอกของตัวเมือง วัดนา Phramen ภาคเหนือ เป็นวัดเดียวในอยุธยาที่รอดชีวิตหลังสงครามความ และลอบวางเพลิงโจมตี ในขณะที่ภาคตะวันออกมีคลัสเตอร์ของวัดรักษาซากปรักหักพังและ ดาวใต้ เศษของต่าง ๆ จ่ายต่างประเทศ รวมทั้งญี่ปุ่น จีน โปรตุเกส ดัตช์และภาษาอังกฤษสารประกอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใน 400 ปี tremayne อยุธยาจากทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองและวัณโรคเป็นเมืองหลวงทางการเมืองมีหลุดลอกเมือง - อันโอชะ disjunctor และวันจันทร์ไปจนถึงความหายนะอย่างสมบรูณ์แบบ เมืองยังอยู่ ภายใต้ การต่อสู้อำนาจคงที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับประเทศพม่าอย่างไรก็ตามก็ยังคงอยู่ศูนย์กลางเจริญรุ่งเรืองสำหรับการค้าใน ภูมิภาค และมหานครที่ซึ่งศิลปะและวัฒนธรรมรวมกัน

พร้อมด้วยความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจกษัตริย์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเทความมั่งคั่งของราชอาณาจักรไว้ในการก่อสร้างของวัดและอนุสรณ์สถานทางด้านศาสนาและศิลปะ

อาการสไตล์และเทคนิคการมรดกทางสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาคืออ้างว่ายังยึดมั่นในลพบุรีสุโขทัยทวารวดีใน u - ทองโบราณเขมรและสไตล์เปอร์เซีย ในวันนี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาของวัดและพระราชวังซากปรักหักพังทำหน้าที่เป็นที่ทรงพลังของระบบเตือนของสยามของความรุ่งเรืองอดีตเป็นอย่างดีและอยู่ในความทรงจำความทรงจำของหนึ่งในที่มืดที่สุดช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ไทย.ผู้อ้างอยุธยาบท สรุป

อยุธยา
อยุธยาจะได้รับเลือกเป็นที่เมืองหลวงสำหรับกลยุทธ์เหตุผล:โรงแรมถูกโอบล้อมไปด้วยทุกด้านโดยแม่น้ำและมีชายคนหนึ่งที่ทำให้คลองซึ่งทำหน้าที่เป็นอุปสรรคต่อการให้ความช่วยเหลือแรงงานพม่าตามธรรมชาติผู้บุกรุก.มุมด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของด้านในเมืองที่เป็นที่ตั้งของ Royal Palace และ Royal Chapel (วัดพระหากสรรเพชญ์) - และในบริเวณใจกลางทางการเมืองทางจิตวิญญาณแห่งราชอาณาจักร

เพื่อไปยังด้านทิศตะวันออกของ Royal Palace ที่อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาที่ตั้งของวัดที่งดงามเตาอบของศรีอยุธยาตอนต้น( 1350 - 1529 ) ที่นี่เพิ่มขึ้นท่ามกลางต้นไม้และคลัสเตอร์ของซากปรักหักพังมี prangs หินทรายที่สวยงามในสไตล์แบบคลาสสิคที่ lopburi-khmer

มากที่สุดและซากปรักหักพังที่วัดบางประดิดประดอยยังพบได้ในแม่น้ำที่ไหลไปตามขอบเขตที่ด้านนอกของเมืองด้านใน วัดนา phramen ไปทางด้านทิศเหนือเป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาให้อยู่รอดการโจมตีการลอบวางเพลิงและปล้นสะดมนั้นแต่อย่างใดหลังสงครามในขณะที่ทางด้านทิศตะวันออกที่โดดเด่นไปด้วยกลุ่มของวัดที่ปรักหักพังที่ได้รับการสงวนรักษาอย่างดีเยี่ยมและ ภาค ใต้ส่วนของการตั้งถิ่นฐานจากต่างประเทศต่างๆรวมถึงอาหารจีนอาหารญี่ปุ่นสารประกอบดัตช์และอังกฤษ,โปรตุเกส,.