Ses multiples fonctions ne l'empêch

Ses multiples fonctions ne l'empêchent pas de publier des livres, de composer les brigades de cuisine d'autres nombreux hôtels dans le monde, comme le Ritz de Londres, ni d'aménager les cuisines des paquebots de la Hamburg Amerika Lines : en 1906, il y organise un diner pour l’empereur d’Allemagne Guillaume II qui aurait dit à Escoffier : « Moi, je suis l’empereur d’Allemagne, mais vous vous êtes l’empereur des cuisiniers ! » La phrase, largement reprise dans la presse, serait apocryphe.

En 1911 nait le « Carnet d'Épicure », revue fondée à Londres et par laquelle Escoffier veut contribuer au développement touristique de la France ; la Première Guerre mondiale y met fin en aout 1914.

En 1912, il concocte les menus des « Diners d'Épicure », destinés à faire connaitre l'excellence de la cuisine française, qui sont dégustés le même jour dans différentes cités, dont le premier réunit plus de quatre mille convives de par le monde et dont le dernier, en juin 1914, est réalisé dans 147 villes différentes pour un total de dix mille personnes. Pendant la Première Guerre mondiale, au cours de laquelle son fils cadet meurt en service actif, il continue de diriger ses restaurants.

Le 11 novembre 1919, il reçoit la Légion d'honneur et, en 1928, devient le premier cuisinier officier de cet ordre ; il est également honoré par d'autres pays, dont l'Angleterre. Il rédige la préface du Larousse gastronomique qui parait en 1938.

En 1920, il quitte le Carlton et l'Angleterre pour rejoindre sa famille à Monte-Carlo ; il y rédige ses souvenirs, des articles, des recettes. En 1922, il collabore avec la firme Maggi et conseille ses produits aux maitresses de maison. En 1923, il reçoit la croix de Dannebrog, octroyée par les souverains du Danemark. Il participe à plusieurs expositions culinaires à Francfort, Grenoble, Zurich.

En 1928 il assume la présidence de la World Association of Chefs Societies, il devient membre fondateur et son premier président.

Il meurt deux semaines après son épouse et est enterré dans le caveau familial de Villeneuve-Loubet

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หน้าที่ของเขาหลายไม่ได้ทำให้เขาประกาศหนังสือ เขียนกองพันอาหารของโรงแรมมากมายในโลก เช่นริทซ์ ในลอนดอน หรือห้องครัวของเรือ Hamburg Amerika บรรทัด: ใน 1906 เขาจัดอาหารมื้อเย็นจักรพรรดิของเยอรมนี William II ที่บอก Escoffier: "ฉัน ฉันจักรพรรดิเยอรมนี แต่จักรพรรดิของพ่อครัวคุณ! » ประโยค ครอบคลุมอย่างกว้างขวางในสื่อมวลชน จะไม่มีลักฐานพ.ศ. 2454 เกิดการ ' หนังสือ Epicure ", สมุดรายวันที่ก่อตั้งขึ้น ในลอนดอน และ Escoffier ซึ่ง ที่ต้องการการพัฒนาท่องเที่ยวฝรั่งเศส สงครามโลกครั้งหนึ่งใส่สิ้นสุดในเดือน 1914 สิงหาคมซาวน่า เขา concocts เมนู "ของ epicure เย็น" ออกแบบเพื่อให้รู้ความเป็นเลิศของอาหารฝรั่งเศส ที่จะลิ้มรสในวันเดียวกันในเมืองต่าง ๆ แรกรวมกว่าสี่พันแห่งทั่วโลก และรวมถึงล่าสุด ใน 1914 มิถุนายน ทำในเมืองต่าง 147 จำนวนหมื่นคน ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้ง ในระหว่างที่บุตรชายคนเล็กเสียชีวิตในที่บริการใช้งานอยู่ เขายังนำอัน11 พฤศจิกายน 1919 เขาได้รับการ Légion d'honneur และใน 1928 เป็น เจ้าหน้าที่คุกแรกของใบสั่งนี้ นอกจากนี้เขายังเป็นเกียรติตามประเทศ รวมทั้งอังกฤษ เขาเขียน preface เพื่อ gastronomique Larousse ซึ่งดูเหมือนว่าในค.ศ. 1938ในปี 1920 เขาซ้ายคาร์ลและอังกฤษเข้าครอบครัวใน Monte Carlo เขาเขียนความทรงจำของเขา บทความ สูตรอาหาร ในค.ศ. 1922 เขาได้ร่วมมือกับ Maggi ยืนยัน และให้คำแนะนำของผลิตภัณฑ์ housewives พี่ เขาข้ามแดนเนบร็อก ได้รับ โดยผู้ปกครองเดนมาร์กรับ เขาเข้าร่วมในนิทรรศการอาหารหลายในแฟรงค์เฟิร์ต เก ซูริกใน 1928 เขาถือว่าประธานาธิบดีของโลกความสัมพันธ์ของเชฟสังคม เขากลายเป็นสมาชิกก่อตั้งและประธานของแรกเขาตาย สองสัปดาห์หลังจากที่ภรรยาของเขา และถูกฝังในเพดานครอบครัวของ Villeneuve Loubet

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฟังก์ชั่นหลายไม่ได้ป้องกันไม่ให้มันจากหนังสือสำนักพิมพ์เขียนกองพันครัวโรงแรมอื่น ๆ ในโลกเช่น Ritz ในลอนดอนหรือจะจัดสมุทรห้องครัวของฮัมบูร์กสายอเมริกาในปี 1906 เขาจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำสำหรับจักรพรรดิเยอรมันวิลเฮล์ครั้งที่สองจะได้บอก Escoffier "ผมจักรพรรดิของเยอรมนี แต่คุณจักรพรรดิของพ่อครัวและแม่ครัว! "วลีรายงานอย่างกว้างขวางในการกดจะเป็นหลักฐาน. ใน 1911 เกิด "Epicurus หนังสือนิตยสาร" ก่อตั้งขึ้นในกรุงลอนดอนซึ่งใน Escoffier ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวในประเทศฝรั่งเศส; สงครามโลกครั้งที่ทำให้สิ้นในเดือนสิงหาคมปี 1914 ในปี 1912 เขา concocts เมนูของ "ไดเนอร์ส Epicurus 'เพื่อให้เป็นที่รู้จักเลิศของอาหารฝรั่งเศสซึ่งได้ลิ้มรสในวันเดียวกันในเมืองที่แตกต่างกันรวมทั้ง พบกันครั้งแรกในช่วงสี่พันแขกจากทั่วโลกและมีที่ผ่านมาในเดือนมิถุนายนปี 1914 จะทำใน 147 เมืองที่แตกต่างกันรวมเป็นหมื่นคน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ลูกชายคนเล็กของเขาเสียชีวิตในการให้บริการที่ใช้งานก็ยังคงตรงร้านอาหาร. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 1919 เขาได้รับทหารกองเกียรติยศและในปี 1928 กลายเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปรุงอาหารเพื่อ ; นอกจากนี้เขายังได้รับเกียรติจากประเทศอื่น ๆ รวมทั้งอังกฤษ เขาเขียนคำนำของรูซ Gastronomique ซึ่งจะปรากฏในปี 1938 ในปี 1920 เขาออกจากคาร์ลตันและอังกฤษที่จะเข้าร่วมครอบครัวของเขาในมอนติคาร์; เขาเขียนบันทึกความทรงจำของเขา, บทความ, สูตร ในปี 1922 เขาร่วมมือกับ บริษัท Maggi และให้คำแนะนำแก่ผลิตภัณฑ์ของแม่บ้าน ในปี 1923 เขาได้รับกางเขน Dannebrog, ที่ได้รับจากกษัตริย์แห่งเดนมาร์ก เขาเข้าร่วมในการจัดนิทรรศการการทำอาหารหลายแห่งในแฟรงค์เฟิร์ตเกรอน็อบซูริค. ใน 1,928 เขาคิดว่าเป็นประธานของสมาคมโลกของสมาคมเชฟเขาก็กลายเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งและประธานคนแรกของ. เขาเสียชีวิตเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ภรรยาของเขาและถูกฝังอยู่ในสุสานประจำตระกูล Villeneuve-Loubet