Le Programme National Nutrition San

Le Programme National Nutrition Santé recommande de consommer chaque jour au moins 5 portions (de 80 g minimum) de fruits ou de légumes, et de profiter au maximum de leur variété saisonnière. Si elles sont présentes toute l’année sur les étals, les pommes sont plus savoureuses en automne.
Une petite pomme ou une demi-pomme de bonne taille correspondent à une portion de fruit.
Manger des pommes (2 et plus par semaine) aurait un effet favorable sur la fonction respiratoire 1-2 ainsi que sur l’incidence d’asthme et d’affections des voies respiratoires 3-4.
Plusieurs études ont démontré que la consommation régulière de pommes pouvait diminuer le risque de développer un cancer, notamment un cancer du poumon 5-6-7-8-9 et un cancer colorectal 10.
Les matières pectiques (fibres) contenues dans la pomme pourraient agglomérer une partie du sucre et du cholestérol ingéré et en limiter l’absorption par l’intestin grêle.Les pectines de pomme permettraient ainsi de réduire l’augmentation du cholestérol sanguin.
Des études ont également démontré que la consommation combinée de pectine de pomme et d’autres fibres solubles, en l’occurrence la gomme de guar 11 et la gomme arabique 12, provoquait une baisse du cholestérol sanguin, en particulier du mauvais cholestérol (LDL cholestérol).
Grâce à sa teneur en fibres ainsi qu’à sa quantité élevée en quercétine, un puissant antioxydant, la pomme contribue à prévenir le risque de maladies cardiovasculaires, de diabète et d’obésité et de certains cancers. D’ailleurs, une étude 13 a évalué l’impact de la consommation de fruits blancs tels que la pomme et la poire. Elle a montré que l’incidence des accidents vasculaires cérébraux était 52% plus faible chez les gros consommateurs. Ainsi, la consommation quotidienne d’une pomme (120 g) réduirait le risque de 45%.
En conclusion dans le cadre d’une alimentation variée et équilibrée et d’un mode de vie sain, la consommation de pommes contribuerait donc à réduire le risque de maladies cardiovasculaires, de diabète et d’obésité.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สุขภาพโภชนาการแห่งชาติของโครงการแนะนำทุกวัน การใช้กระปุกที่ 5 (จาก 80 g ที่ต่ำสุด) ของผลไม้หรือผัก ให้มากสุดของความหลากหลายตามฤดูกาล ถ้าจะแสดงทั้งหมดตลอดปีบนร้าน แอปเปิ้ลจะอร่อยที่สุดในฤดูใบไม้ร่วงแอปเปิ้ลขนาดเล็กหรือครึ่งหนึ่งของขนาดที่ดีสอดคล้องกับบริการของผลไม้กินแอปเปิ้ล (2 และเพิ่มเติมสัปดาห์) จะมีการบวกผลกระทบบนหายใจ 1-2 ดังนั้นที่ผลกระทบของโรคหอบหืดและโรคทางเดินหายใจ 3-4หลายศึกษาแสดงให้เห็นว่า การบริโภคปกติของแอปเปิ้ลจะช่วยลดโรคมะเร็ง 5-6-7-8-9 รวมทั้งมะเร็งปอดและมะเร็งลำไส้ 10Pectic สาร (เส้นใย) มีอยู่ในแอปเปิ้ลอาจจับเป็นก้อนน้ำตาลและไขมันกิน และจำกัดการดูดซึม โดยลำไส้ เพกทินแอปเปิ้ลจะช่วยลดการเพิ่มขึ้นของไขมันในเลือดการศึกษายังแสดงให้เห็นว่า การใช้เพกทินจากแอปเปิ้ลและอื่น ๆ เส้นใยละลายน้ำได้ ในกรณีนี้ 11 guar หมากฝรั่งหมากฝรั่งอาหรับ 12 รวมเกิดจากการลดลงของไขมันในเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสียไขมัน (LDL ไขมัน)ด้วยเนื้อหาของเส้นใยเป็นปริมาณสูงใน quercetin ต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ แอปเปิ้ลช่วยป้องกันความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และโรคอ้วน และโรคมะเร็งบาง นอกจากนี้ การศึกษา 13 ประเมินผลกระทบของการบริโภคผลไม้ขาวแอปเปิ้ลและลูกแพร์ มันแสดงให้เห็นว่า อุบัติการณ์ของโรคหลอดเลือดสมองคือ 52% ต่ำกว่าในผู้บริโภคสูง ดังนั้น ปริมาณการใช้บริการของแอปเปิล (120 g) จะลดความเสี่ยง โดย 45%เบียดเบียนเป็นส่วนหนึ่งของความหลากหลาย และสมดุล และ สุขภาพ ปริมาณการใช้ของแอปเปิ้ลจะมีส่วนร่วมดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และโรคอ้วน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สุขภาพแห่งชาติและโภชนาการโครงการแนะนำการรับประทานอาหารทุกวันไม่น้อยกว่า 5 เสิร์ฟ (ขั้นต่ำ 80 กรัม) ของผลไม้หรือผักและให้มากที่สุดของความหลากหลายตามฤดูกาลของพวกเขา หากพวกเขามีอยู่ตลอดทั้งปีในร้านแอปเปิ้ลมีรสชาติฤดูใบไม้ร่วง.
แอปเปิ้ลขนาดเล็กหรือครึ่งหนึ่งของแอปเปิ้ลขนาดที่ดีเป็นหนึ่งในการให้บริการของผลไม้.
กินแอปเปิ้ล (2 หรือมากกว่าต่อสัปดาห์) จะมี ที่ดีผลกระทบต่อการทำงานของปอด 1-2 และอุบัติการณ์ของโรคหอบหืดและโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ 3-4.
การศึกษาจำนวนมากได้แสดงให้เห็นว่าการบริโภคปกติของแอปเปิ้ลจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคมะเร็งปอด 5-6-7-8-9 และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ 10.
วัสดุ Pectic (เส้นใย) ที่มีอยู่ในแอปเปิ้ลอาจจะจับเป็นก้อนเป็นส่วนหนึ่งของน้ำตาลและคอเลสเตอรอลกินและ จำกัด การดูดซึมโดยลำไส้เล็ก pectins แอปเปิ้ลและจะเพิ่มขึ้นในการลดคอเลสเตอรอลในเลือด.
การศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าการใช้งานร่วมกันของแอปเปิ้ลเพคตินและเส้นใยที่ละลายน้ำได้อื่น ๆ เหงือกกระทิงคือเหงือกและภาษาอาหรับ 11 12, ที่เกิดจากการลดลงของคอเลสเตอรอลในเลือดโดยเฉพาะอย่างยิ่งคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C).
ขอขอบคุณเนื้อหาของเส้นใยที่เป็นจำนวนเงินที่สูงใน quercetin, สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ, แอปเปิ้ลจะช่วยป้องกันความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคเบาหวาน และโรคอ้วนและโรคมะเร็งบางชนิด นอกจากนี้ยังมีการศึกษาการประเมินผลกระทบที่ 13 ของการบริโภคผลไม้สีขาวเช่นแอปเปิ้ลและลูกแพร์ มันแสดงให้เห็นว่าอุบัติการณ์ของโรคหลอดเลือดสมองเป็น 52% ลดลงในผู้ใช้หนัก ดังนั้นการบริโภคประจำวันของหนึ่งในแอปเปิ้ล (120 กรัม) จะช่วยลดความเสี่ยงนี้โดย 45%.
ในการสรุปเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่แตกต่างกันและมีความสมดุลและมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีการบริโภคแอปเปิ้ลจึงช่วยลด ความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคเบาหวานและโรคอ้วน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โปรแกรมที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อสุขภาพแห่งชาติขอแนะนำให้รับประทานอาหารในแต่ละวันอย่างน้อย 5 ชิ้น ( 80 กรัมต่ำสุด ) ของผลไม้หรือผักและการใช้ประโยชน์สูงสุดของพวกเขาในแบบที่หลากหลายตามฤดูกาล ถ้าพวกเขาจะเห็นได้ตลอดทั้งปีในคอกกั้น , แอปเปิ้ลจะมากกว่าอาหารรสชาติแสนอร่อยในฤดูใบไม้ร่วง
Apple ที่มีขนาดเล็กหรือครึ่งที่ Apple มีขนาดที่เหมาะสมตรงกับบางส่วนของผลไม้
การรับประทานอาหารนอกบ้าน ( 2 และแอปเปิล 4 ผลขึ้นไปต่อสัปดาห์ ) ก็จะได้รับคำตอบที่มีผลในการทำงานระบบทางเดินหายใจ 1-2 เช่นเดียวกับบนอุบัติการณ์ของโรคหอบหืดและการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่ 3-4
มีการศึกษามากมายที่แสดงให้เห็นว่าการใช้พลังงานของแอปเปิลเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านมโดยเฉพาะโรคมะเร็งปอด 5-6 และ -7-8 A-9 โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ 10
การใช้สาร pectic ( ไฟเบอร์ ) ที่มีอยู่ใน Apple ได้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของ clump น้ำตาลและคอเลสเตอรอลที่กินเข้าไปและจำกัดการดูดซึมได้โดยที่ลำไส้เล็ก pectins ของ Apple จะลดการเพิ่มขึ้นของโคเลสเตอรอลในเลือดได้ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาอีก
1 แสดงให้เห็นว่าการบริโภคที่รวมเข้าด้วยกันของ Apple และอื่นๆที่ละลายสารเพคตินไฟเบอร์ ,ในกรณีนี้ช้างป่ากระทิงวัวแดง 11 และหมากฝรั่งภาษาอาหรับกัมรับเบอร์ 12 ที่เกิดขึ้นจากการลดลงของโคเลสเตอรอลในเลือดโดยเฉพาะในส่วนที่ไม่ดีของคอเลสเตอรอล ( โคเลสเตอรอลจำพวก LDL ) . .
ด้วยเนื้อหาของไฟเบอร์จะลดลงเป็นจำนวนมากใน quercetin ต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังที่ Apple จะช่วยป้องกันไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคอ้วนเบาหวานและมะเร็งบางชนิดได้ ยิ่งไปกว่านั้นการศึกษาวิจัยที่ 13 ได้มีการพิจารณาประเมินผลกระทบของการใช้พลังงานของผลไม้สีขาวเช่น Apple และสาลี่ เธอได้แสดงให้เห็นว่ามีการเกิดอุบัติเหตุอุบัติการณ์ของหลอดเลือดสมองลดลงร้อยละ 52 ในหมู่ผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ได้ รวมทั้งการใช้พลังงานของ Apple ทุกวัน (120 กรัม ) จะช่วยลดความเสี่ยงของการ 45 % . .
ข้อสรุปในในบริบทของการบริโภคอย่างหลากหลายและรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ดีต่อสุขภาพการสิ้นเปลืองพลังงานของมันฝรั่งจะช่วยในการลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคอ้วนได้